เมนู

9. สุปปารกชาดก



ว่าด้วยทะเล 6 ประการ



[1588] พวกมนุษย์จมูกแหลมดำผุดคำว่ายอยู่
พวกข้าพเจ้าขอถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่ออะไร.

[1589] เมื่อท่านทั้งหลาย ผู้เป็นพ่อค้าแสวงหา
ทรัพย์ออกจากท่าชื่อภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทาง
มาถึงทะเลตอนนี้เขาเรียกกันว่า ขุรมาลี.

[1590] ทะเลนี้ ปรากฏเหมือนกองไฟและ
พระอาทิตย์ ข้าพเจ้าขอถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้
ชื่ออะไร.

[1591] เมื่อท่านทั้งหลาย ผู้เป็นพ่อค้าแสวงหา
ทรัพย์ออกจากท่าชื่อภรุกัจฉะ ครั้นเรือเล่นไปผิดทาง
มาถึงทะเลตอนนี้เขาเรียกว่า อัคคิมาลี.

[1592] ทะเลนี้ปรากฏเหมือนนมส้ม และนมสด
พวกข้าพเจ้าขอถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่ออะไร.

[1593] เมื่อท่านทั้งหลาย ผู้เป็นพ่อค้าแสวงหา
ทรัพย์ออกจากท่าชื่อภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทาง
มาถึงทะเลตอนนี้เขาเรียกกันว่า ทธิมาลี.

[1594] ทะเลนี้ปรากฏเหมือนหญ้าคาและข้าว
กล้า พวกข้าพเจ้าของถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่อ
อะไร.

[1595] เมื่อท่านทั้งหลาย ผู้เป็นพ่อค้าแสวงหา
ทรัพย์ออกจากท่าชื่อภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทาง
มาถึงทะเลตอนนี้เขาเรียกกันว่า กุสมาลี.

[1596] ทะเลนี้ปรากฏเหมือนไม้อ้อและไม้ไผ่
พวกข้าพเจ้าขอถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่ออะไร.

[1597] เมื่อท่านทั้งหลาย ผู้เป็นพ่อค้าแสวงหา
ทรัพย์ออกจากท่าชื่อภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทาง
ถึงทะเลตอนนี้เขาเรียกกันว่า นฬมาลี.

[1598] เสียงน่ากลัวมาก น่าสยดสยอง ฟัง
เหมือนเสียงอมนุษย์ และทะเลนี้ปรากฏเหมือนบึงและ
เหว พวกข้าพเจ้าขอถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่อ
อะไร.

[1599] เมื่อท่านทั้งหลายผู้เป็นพ่อค้าแสวงหา
ทรัพย์ ออกจากท่าชื่อภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิด
ทางมาถึงทะเลตอนนี้เขาเรียกกันว่า พลวามุขี.

[1600] ตั้งแต่ข้าพเจ้าระลึกถึงตนได้ ถึงความ
เป็นผู้รู้เดียงสา ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกแกล้งเบียดเบียน
สัตว์แม้สักตัวหนึ่งเลย ด้วยสัจจวาจานี้ ขอเรือจงกลับ
ได้โดยสวัสดี.

จบสุปปารกชาดกที่ 9 จบเอกวทสนิบาต

อรรถกถาสุปปารกชาดก



พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงพระปรารภ
พระปัญญาบารมี ตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อุมฺมุชฺชนฺติ นิมุชฺชนฺติ ดังนี้.
เรื่องพิสดารมีว่า วันหนึ่งเพลาเย็น พวกภิกษุพากันรอพระตถาคต
เสด็จออกแสดงธรรม นั่งในธรรมสภา ต่างพรรณนาพระมหาปัญญาบารมี
ของพระทศพลว่า ผู้มีอายุทั้งหลายอัศจรรย์ยิ่งนัก พระศาสดาทรงมีพระปรีชา
มาก มีพระปรีชาหนักหนา มีพระปรีชาแจ่มใส มีพระปรีชาว่องไว มีพระ
ปรีชาคมคาย มีพระปรีชาหลักแหลม ทรงประกอบด้วยพระปรีชาอันเป็น
อุบายในกรณียะนั้น ๆ หนักหนาเสมอด้วยแผ่นดิน ลึกซึ้งประหนึ่งมหาสมุทร
กว้างขวางไม่สิ้นสุดดุจดังอากาศ ปัญหาที่ตั้งขึ้นกันในชมพูทวีป ที่จะได้นามว่า
ผ่านพ้นพระทศพลไปได้ไม่มีเลยทีเดียว เหมือนคลื่นที่ตั้งขึ้นในมหาสมุทร
พอถึงฝั่งเท่านั้นก็แตกกระจายไป ฉันใด ปัญหาอันใดอันหนึ่งที่ตั้งขึ้น ก็มิได้
ผ่านพ้นพระทศพลไปได้ ถึงบาทมูลพระศาสดาแล้ว ย่อมแตกฉานไปทีเดียว
ฉันนั้น พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้
เท่านั้น ที่ตถาคตมีปัญญา แม้ในครั้งก่อน ตถาคตก็เป็นผู้มีปัญญาด้วยญาณ
อันไม่แก่กล้า ถึงจะเป็นคนตาบอดก็ยังรู้ได้ว่า ในสมุทรตอนนี้มีรัตนะนามนี้
ด้วยการกำหนดน้ำในมหาสมุทร ทรงนำอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้
ในอดีตกาลพระเจ้ากุรุราช เสวยราชสมบัติ ณ แคว้นกุรุ ได้มี
บ้านอันเป็นท่าเรือนามว่า ภรุกัจฉะ เสวยราชสมบัติ ณ แคว้นกุรุ ครั้งนั้น
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นบุตรของหัวหน้าต้นหนในบ้านกุรุกัจฉะ เป็นคน
น่าเลื่อมใส ผิวพรรณเพียงดังทอง หมู่ญาติได้ขนานนามให้ท่านว่า สุปารก